'สตีฟ จอบส์' แจง Flash ไม่เหมาะกับ Apple-ระบบสัมผัส->เหตุผลที่ไม่มี Flash ใน Apple

เนื่องด้วยสินค้าของ Apple มาแรงทั้ง iPhone, iPod และ iPad แต่ไม่สามารถใช้งาน Flash ได้จนเกิดคำถามมากมายในกลุ่มผู้ใช้และคนรัก Adobe ล่าสุด 'สตีฟ จอบส์'  แจงด้วยตัวเองว่า เป็นเพราะความแตกต่างทางเทคโนโลยี...

สตีฟ จอบส์ เขียนจดหมายปิดผนึกลงในเว็บไซต์ apple.com เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา เกี่ยวกับความสัมพันธ์อันยาวนานกับ Adobe และแจงเหตุผลของการไม่มี Flash ในสินค้า iPhone, iPod และ iPad   ว่า ไม่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องเชิงธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่มีระบบแตกต่างกัน โดยจอบส์ อธิบายแจงเป็นข้อ ๆ จำนวน 6 ข้อ ดังต่อไปนี้

1. ระบบ "เปิด"


Flash เป็นผลิตภัณฑ์ของ Adobe ซึ่งเป็นผู้ผูกขาดทางตลาดทั้งหมดของ Flash  ทั้งเรื่องสิทธิ์ ทิศทางโปรแกรมในอนาคต รวมถึงราคาจำหน่าย ฯลฯ หรือที่เรียกว่า ระบบปิด

ด้าน Apple เองก็คล้ายกับ Adobe ในเรื่องของระบบปฏิบัติการบน iPhone, iPod และ iPad ซึ่งเป็นของ Apple เพียงผู้เดียว แต่ทั้งนี้ยังคำนึงถึงมาตรฐานเว็บไซต์ในระบบเปิดมากกว่า Flash อาทิการใช้ HTML5, CSS และ JavaScript ซึ่งเป็นระบบเปิดทั้ง 3 อย่าง

HTML5 เป็นมาตรฐานเว็บไซต์แบบเปิดตัวใหม่ ซึ่งพัฒนาโดย Apple, Google และกลุ่มอื่นๆ โดยเปิดโอกาสให้นักพัฒนาเว็บไซต์ได้สรรสร้างงานกราฟฟิค ไทโปกราฟฟิค แอนิเมชั่น และทรานซิชั่น โดยไม่ต้องพึ่งพา Plug-in เช่น Flash


นอกจากนี้ Apple ยังเริ่มโครงการ Open  source ขนาดเล็ก และสร้าง Webkit ซึ่งเป็นมาตรฐานการแสดงผล HTML5 บนหน้าเว็บ โดยมีหัวใจหลักคือ เว็บบราวเซอร์ "Safari" ที่ใช้กับทุกๆ ผลิตภัณฑ์ และขณะนี้ Webkit ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวาง ทั้งบนเว็บบราวเซอร์ Android ของ Google, Plam, Nokia และ RIM ที่เพิ่งประกาศบนโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน BlackBerry รวมถึงเว็บบราวเซอร์บนโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนอื่นๆ ของ Microsoft ก็ใช้ Webkit เช่นเดียวกัน

2.เว็บเต็มรูปแบบ
Adobe เคยกล่าวไว้ว่า โทรศัพท์มือถือของ Apple นั้น ไม่สามารถใช้งานเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ เพราะว่า 75 เปอร์เซ็นต์ ของวิดีโอบนเว็บต่างๆ ใช้ Flash แต่ Adobe ไม่ได้กล่าวถึงว่า ปัจจุบันไฟล์วิดีโอส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบ H.264 ซึ่งสามารถแสดงผลบน iPhone, iPod และ iPad ได้ ซึ่งตอนนี้วิดีโอของ Youtube ราว 40 เปอร์เซ็นต์เป็นรูปแบบ H.264 แล้ว รวมถึงเว็บไซต์ยอดนิยม เช่น Vimeo, Netflix, Facebook, ABC, CBS, CNN, MSNBC, Fox News, ESPN, NPR, Time, The New York Times, The Wall Street Journal, Sports Illustrated, People, National Geographic ฯลฯ ก็ปรับมาใช้ H.264 เกือบหมดเช่นกัน

นอกจาก นี้ Adobe ยังวิจารณ์ว่า Apple ไม่สามารถเล่นเกมส์ Flash ได้ แต่ Apple ขอแย้งว่า เรามีอีกกว่า 50,000 เกมส์บน App Store ให้ผู้ใช้งานได้ดาวน์โหลดไปใช้ฟรีๆ

3.ความเสถียร ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ


Symantec เคยเตือนว่า Flash มีความปลอดภัยต่ำที่สุดในการบันทึกของปี 2009 โดย Apple ทราบว่า Flash เป็นหนึ่งเหตุผลในการเกิดปัญหาบนระบบปฏิบัติการของ Mac อย่างไรก็ตาม Apple เคยประสานกับ Adobe เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่เป็นผลจนถึงขณะนี้ ท้ายที่สุด Apple จึงไม่ยอมให้ Flash มาบั่นทอนความเสถียร ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ บนผลิตภัณฑ์ทั้ง iPhone, iPod และ iPad


นอกจากนี้  Flash ยังไม่สามารถแสดงผลได้ดีบนโทรศัพท์มือถือ

4. ความยาวนานของแบตเตอรี่

อายุ การใช้งานของแบตเตอรี่ในการเล่นวิดีโอ หากต้องถอดรหัสการใช้งาน จะทำให้ซอฟต์แวร์ใช้พลังงานเยอะ แต่ในขณะที่ชิพในโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ สามารถถอดรหัสแบบ H.264 ได้ ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไปในการเล่น Blu-ray ที่พัฒนาโดย Apple, Google (Youtube), Vimeo, Netflix และอีกหลายบริษัท ส่วน Flash นั้นเพิ่งปรับระบบให้สนับสนุนระบบ H.264 แต่ยังคงต้องการการถอดรหัสแบบเดิม ที่ต้องอาศัยการทำงานของซอฟต์แวร์

สำหรับ ข้อแตกต่างของอายุการใช้งานแบตเตอรี่นั้นหากเป็น H.264 ระสามารถแสดงผลต่อเนื่องนาน 10 ชั่วโมง แต่หากเป็น Flash แล้วจะหดสั้นลงเหลือเพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้น

5.ระบบสัมผัส


Flash ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานรับกับเมาส์ ไม่ได้ทำมาเพื่อระบบสัมผัส ตัวอย่างเช่น หลายเว็บไซต์ที่ใช้ Flash จำเป็นต้องมีการคลิกเมาส์เพื่อตอบรับการปฏิบัติการณ์ แต่การพัฒนาระบบสัมผัสของ Apple ไม่จำเป็นต้องใช้เมาส์ 
ซึ่งเว็บไซต์ Flash ส่วนใหญ่ จะต้องแก้ไขโปรแกรมใหม่เพื่อให้สนับสนุนกับระบบสัมผัส  จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Apple ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า เช่น HTML5, CSS และ JavaScript 

ทั้งนี้ หาก iPhone, iPod และ iPad ใช้ Flash ในตอนนี้ภายภาคหน้าก็ต้องพบกับการแก้ไขปัญหาระบบดังกล่าว

6.ประการสำคัญที่สุด


นอก เหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่า Flash เป็นระบบปิด มีข้อบกพร่องทางเทคนิค  และไม่สนับสนุนระบบสัมผัส เป็นเหตุผลสำคัญที่ Apple ไม่ใช้ Flash บน iPhone, iPod และ iPad

 และยังรวมถึงความล่าช้าของ Adobe ในการพัฒนา แพลตฟอร์มของ Apple ตัวอย่างเช่น Mac OS X 5ถูกนำมาใช้ร่วม 10 ปีแล้ว ซึ่งโดยปกติโปรแกรมที่ทำงานบนระบบดังกล่าว จะต้องเขียนด้วย Cocoa แต่ Adobe เพิ่งจะพัฒนาโปรแกรมเพื่อให้เข้ากับระบบปฏิบัติการ Mac OS X 5 เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ในรุ่น CS5 

แรงจูงใจโดยทั่วไปของ Apple คือ ต้องการให้เป็นแพลตฟอร์มที่ก้าวหน้า เพื่อการพัฒนา และต้องการให้แพลตฟอร์มสามารถยืนหยัดได้ รวมถึงสร้าง app ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา อีกทั้งต้องการให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับแพลตฟอร์มให้น่า อัศจรรย์ และแข็งแกร่ง สนุกสนาน รวมถึงมีประโยชน์ต่อการการใช้งาน

บทสรุป


Flash ถูกสร้างขึ้นมาในสมัยของ PC กับเมาส์ และ Flash นับเป็นความสำเร็จอย่างสูงของ Adobe ในยุคนั้น ซึ่งทำให้เข้าใจว่า เพราะเหตุใด Adobe จึงพยายามผลักดันลงไปในคอมพิวเตอร์ แต่เมื่อมาถึงยุคของโทรศัพท์มือถือระบบสัมผัส และมาตรฐานเว็บระบบเปิด  ทำให้พื้นที่ของ Flash น้อยลง

ทั้งนี้ การแสดงเนื้อหาบนโทรศัพท์มือถือของ Apple ยังแสดงให้เห็นว่า Flash ไม่จำเป็นอีกต่อไป เพื่อดูวิดีโอ หรือการใช้เว็บต่างๆ รวมถึงอีกกว่า 200,000 apps บน  App Store ที่เป็นอีกข้อพิสูจน์ ที่ว่า Flash ไม่จำเป็นสำหรับนักพัฒนาในการสรรสร้างงานกราฟิก รวมถึงเกม ด้วยเช่นกัน

และ เชื่อว่ามาตรฐานเปิด เช่น HTML5 จะไปได้สวยกับโทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ ซึ่ง Apple เชื่อว่าบางที Adobe ควรมุ่งเน้นการสร้าง HTML5 สำหรับอนาคต และจะได้ลดวิจารณ์ Apple ในภายหลัง.

ข่าวจากไทยรัฐออนไลท์  วันที่ 12 พ.ค. 2553,http://sitetc.blogspot.com/2010/05/flash-apple.html

7 TextArea Editor [Free]

1. Free Markup TextArea HTML Editor in Javascript
A dead simple, fast loading, light weight and easy to use html markup editor for your projects. It is the ultimate textarea replacement. It does not use iframes instead it just replaces textarea into an editor where you can insert basic html markup codes like bold, italic, hyperlink, image, blockquote and more..
TinyMCE is a platform independent web based Javascript HTML WYSIWYG editor control released as Open Source under LGPL by Moxiecode Systems AB.
TinyMCE has the ability to convert HTML TEXTAREA fields or other HTML elements to editor instances. TinyMCE is very easy to integrate into other Content Management Systems.



Whizzywig is easy. It lets people create rich, formatted text through a web form. It actually creates xhtml, but you need no HTML knowledge to use it. If you can use a word processor or email, then you can use this.
CKEditor is a text editor to be used inside web pages. It's a WYSIWYG editor, which means that the text being edited on it looks as similar as possible to the results users have when publishing it. It brings to the web common editing features found on desktop editing applications like Microsoft Word and OpenOffice.


The most-used free ASP.NET WYSIWYG HTML editor featured in open source and commerical projects. Just drop FreeTextbox.dll in your/bin/ folder, change  to , and you're done.


XStandard is the leading standards-compliant WYSIWYG editor for desktop applications and Web-based content management systems.


NicEdit is a WYSIWYG editor for websites. Its goal is to be as simple and fast as possible for users of your application. NicEdit is extremely lightweight and can be easily integrated in any site with minimal impact while providing visitors an effective means to express themselves in rich text.